สมาพันธ์โลจิสติกส์ไทย |
Sunday, May 19, 2024
Home Blog Page 4

สค. เตรียมเปิดเวทีสัมมนา Symposuim 2019 ภายในงาน TILOG-LOGISTIX 2019

ข่าวประชาสัมพันธ์

สค. เตรียมเปิดเวทีสัมมนา Symposuim 2019 ภายในงาน TILOG-LOGISTIX 2019

เชิญกูรูด้านโลจิสติกส์ระดับโลกแลกเปลี่ยนความรู้

เพิ่มศักยภาพผู้ประกอบการไทยในยุคเทคโนโลยีเปลี่ยนโลก

กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (สค.) กระทรวงพาณิชย์ โดยสำนักพัฒนาและส่งเสริมธุรกิจบริการ เตรียมจัดงานสัมมนาระดับนานาชาติ Symposium 2019” ภายใต้แนวคิด “Transform and Collaborate towards Greater Success” เชิญกูรูด้านโลจิสติกส์จากองค์กรชั้นนำระดับโลกร่วมแลกเปลี่ยนข้อมูลสถานการณ์และทิศทางของโลจิสติกส์ ตั้งเป้าเพิ่มศักยภาพการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการไทยในยุคเทคโนโลยีเปลี่ยนโลก (Disruptive Technology)  

Symposium เป็นงานสัมมนาระดับนานาชาติที่จัดขึ้นภายในงานแสดงสินค้าโลจิสติกส์ (TILOG-LOGISTIX) อย่างต่อเนื่องทุกปี เพื่อเป็นเวทีแลกเปลี่ยนข้อมูลทางด้านธุรกิจบริการโลจิสติกส์และการค้าระหว่างประเทศ ระหว่างวิทยากรผู้มีความรู้ ประสบการณ์ และมีบทบาทสำคัญในวงการโลจิสติกส์การค้าจากประเทศต่างๆ ที่มาร่วมแบ่งปันข้อมูลกับผู้ให้บริการโลจิสติกส์ ผู้ประกอบการนำเข้าส่งออก ตลอดจนผู้เกี่ยวข้องในแวดวงอุตสาหกรรมธุรกิจบริการของไทย 

แนวคิดการจัดงาน Symposium ปีนี้คือ Transform and Collaborate towards Greater Success โดยมีวิทยากรผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ในการบริหารจัดการโลจิสติกส์สมัยใหม่มาร่วมบรรยายให้ความรู้ ประกอบด้วย “นายเอ็ดวิน ฟาน โพเอลเจอร์” รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหารงานสารสนเทศ ลินฟอกซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล กรุ๊ป ผู้ให้บริการโลจิสติกส์เอกชนที่ใหญ่ที่สุดของออสเตรเลีย “นายคัทสึฮิโกะ อุเมะทสึ” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารอาวุโส ยามาโตะโฮลดิ้ง และประธาน ยามาโตะโกลบอลโลจิสติกส์ ผู้ให้บริการจัดส่งอันดับหนึ่งของญี่ปุ่น ผู้สร้างโลโก้ Kuroneko (แมวดำ)“นายดิกสัน โยว” ที่ปรึกษาอาวุโสด้านโลจิสติกส์ สวิสล็อก เซาต์อีสต์ เอเชีย ผู้ให้บริการโซลูชั่นระบบอัตโนมัติชั้นนำของโลก “นายฌอน คูลีย์”ผู้เชี่ยวชาญด้านการเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลกและ“นายมาร์ค มิลลาร์”วิทยากรชั้นแนวหน้าของเอเชียทางด้านกลยุทธ์การจัดการโลจิสติกส์และซัพพลายเชน 

Symposium 2019 จะจัดขึ้นในวันที่ 29 สิงหาคมนี้ ณ ห้องประชุมภิรัชฮอลล์ 3 ไบเทค บางนา ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ ผู้ประกอบการค้าระหว่างประเทศ และผู้เกี่ยวข้องในแวดวงอุตสาหกรรมธุรกิจบริการที่สนใจ สามารถสมัครเข้าร่วมสัมมนาได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายที่www.tilog-logistix.com หรืออีเมล์tilogsymposium2019@gmail.com

**************************

สำนักพัฒนาและส่งเสริมธุรกิจบริการ

กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ

ข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ

ฝ่ายประชาสัมพันธ์  บริษัท อินทิเกรเต็ด คอมมูนิเคชั่น จำกัด โทร. 0 2354 3588 www.incom.co.th

อุษณีย์ ถาวรกาญจน์  โทร. 081 984 5500 Email: usanee@incom.co.th

สมาพันธ์โลจิสติกส์ไทยร่วมกับกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ กำหนดจัดงาน TILOG-LOGISTIX 2019

สมาพันธ์โลจิสติกส์ไทยร่วมกับกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ กำหนดจัดงาน TILOG-LOGISTIX 2019 ภายใต้แนวคิด “ASEAN Logistics Solution Transformation & Collaboration for Tomorrow” เป็นงานแสดงสินค้าการให้บริการด้านโลจิสติกส์เทคโนโลยี โซลูชั่น เพื่อให้ผู้ประกอบการตระหนักถึงความสำคัญในการสร้างเครือข่ายทางธุรกิจกับเหล่าผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์ ประกอบกับการลงทุนด้านเทคโนโลยีเพื่อยกระดับขั้นตอนการดำเนินงานด้านโลจิสติกส์ให้ทันกับตลาดสากล ระหว่างวันที่ 28-30 สิงหาคม 2562 ณ HALL 98 ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค (บางนา) 

ในงานดังกล่าวสมาพันธ์โลจิสติกส์ไทย ได้จัดสัมมนาร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน เพื่อให้ความรู้แก่ผู้ประกอบการ ผู้บริหารองค์กรและเครือข่ายต่างๆ สามารถนำความรู้และความเข้าใจไปประยุกต์ใช้ในการปฏิบัติงานหรือนำไปใช้ทางด้านการศึกษาอย่างมีประสิทธิภาพ 

ผู้ที่สนใจสามารถลงทะเบียนได้ผ่านทาง QR CODE ที่อยู่ในแผ่นประชาสัมพันธ์

ขอความอนุเคราะห์เพื่อประชาสัมพันธ์งานโครงการประกวดรางวัลผู้ประกอบการที่มีความเป็นเลิศ ด้านการบริหารจัดการโลจิสติกส์ ประจำปี 2562 (ELMA 2019)

เรื่อง   ขอความอนุเคราะห์เพื่อประชาสัมพันธ์งานโครงการประกวดรางวัลผู้ประกอบการที่มีความเป็นเลิศ ด้านการบริหารจัดการโลจิสติกส์ ประจำปี 2562 (ELMA 2019)

เรียน   ประธานสมาพันธ์โลจิสติกส์ไทย

ตามที่บริษัท อินทิเกรเต็ด คอมมูนิเคชั่น จากัด ได้รับมอบหมายจากกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ดำเนินการและบริหารโครงการการจัดการประกวดรางวัลผู้ประกอบการที่มีความเป็นเลิศด้านการบริหารจัดการ โลจิสติกส์ ประจำปี 2562 หรือ Excellent Logistic Management Award (ELMA)ที่สุดแห่งความภาคภูมิใจสำหรับผู้ประกอบการด้านโลจิสติกส์ จัดต่อเนื่องเป็นปีที่ 13 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อกระตุ้นให้ผู้ประกอบการด้าน โลจิสติกส์ไทยตระหนักถึงความสำคัญในการพัฒนาศักยภาพด้านการบริหารจัดการโลจิสติกส์ให้มีประสิทธิภาพทัดเทียมมาตรฐานสากล ตลอดจนยกระดับภาพลักษณ์และมาตรฐานด้านบริการโลจิสติกส์ของประเทศให้เป็นที่ยอมรับในเวทีการค้านานาชาติ โดยมีรางวัล ELMA เป็นเครื่องหมายรับรองมาตรฐานของผู้ประกอบการที่มีความเป็นเลิศ โดยรับสมัครตั้งแต่วันนี้จนถึงวันศุกร์ที่ 31 พฤษภาคม 2562 สอบถามรายละเอียดที่ โทร.083-023-1771 อีเมล:elmaaward@gmail.com

ทางบริษัทฯ จึงใครขอความอนุเคราะห์จากท่านในการประชาสัมพันธ์และเชิญชวนผู้สนใจ เข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าว ทั้งนี้ได้แนบเอกสารรายละเอียดมา ดังนี้

1.    จดหมายอิเล็กทรอนิกส์เชิญร่วมสมัครโครงการประกวดรางวัลผู้ประกอบการที่มีความเป็นเลิศด้านการบริหารจัดการโลจิสติกส์ ประจำปี 2562

2.    หนังสือรับรองการทางานประชาสัมพันธ์โครงการประกวดรางวัล ELMA 2019

3.    ข่าวประชาสัมพันธ์โครงการประกวดรางวัลผู้ประกอบการที่มีความเป็นเลิศด้านการบริหารจัดการ โลจิสติกส์ ประจำปี 2562

4.    Banner Website ขนาด 1300×484 px

จึงเรียนมาเพื่อขอความอนุเคราะห์ในการประชาสัมพันธ์กิจกรรมดังกล่าว และขอขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง

ขอแสดงความนับถือ

คณะทำงาน ELMA 2019

ติดต่อประสานงานเพิ่มเติม : ฝ่ายประชาสัมพันธ์ บริษัท อินทิเกรเต็ด คอมมูนิเคชั่น จากัด โทร. 0 2354 3588 www.incom.co.th

อุษณีย์ ถาวรกาญจน์ โทร.081 984 5500 Email: usanee@incom.co.th

ขอแสดงความนับถือ และขอขอบพระคุณมากค่ะ

พิมพ์

Best Regards,

Miss Pimlada Woracharttaveechai (Pim)

Media Relations Manager

Mobile: 095-009-1459

E-mail: pimlada@incom.co.th

Integrated Communication Co.,Ltd.

465/1-467  Sri Ayudhya Road, Kwaeng Thungphyathai,

Ratchathewi, Bangkok 10400

Website: www.incom.co.th

Tel.02 354 3588 Fax. 02 354 3589-90

ขอเชิญสมัครร่วมงาน TILOG-LOGISTIX 2019

 เรียน   ผู้ประกอบการ เนื่องด้วยสำนักธุรกิจบริการและโลจิสติกส์การค้า กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ  จัดงานแสดงสินค้าโลจิสติกส์ TILOG – LOGISTIX 2019 วันที่ 28 – 30 สิงหาคม 2562 ณ  อาคาร 98 ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา ซึ่งการจัดงานในปีนี้คาดว่าจะได้รับความสนใจจากผู้เข้าร่วมงานและผู้เข้าชมงานมากยิ่งขึ้น อันเนื่องมาจากกระแสตื่นตัวและเห็นความสำคัญของระบบโลจิสติกส์และห่วงโซ่อุปทานจากผู้ประกอบการในทุกกลุ่มอุตสาหกรรม   ดังนั้น สมาพันธ์โลจิสติกส์ไทย จึงขอเรียนเชิญท่านสมัครเข้าร่วมงานเพื่อขยายโอกาสทางธุรกิจ ประชาสัมพันธ์องค์กร สร้างเครือข่ายธุรกิจ เปิดตัวสินค้า เทคโนโลยี หรือ บริการใหม่ๆ ของท่าน ภายในงานแสดงสินค้าโลจิสติกส์ 2562 (TILOG – LOGISTIX 2019)     อัตราค่าสมัคร  ราคาพิเศษ- พื้นที่เปล่า ขนาด 12 ตรม. (3 x 4 เมตร ) ราคา 15,000 บาท หมดเขตรับสมัคร  30 เมษายน 2562  ราคาปกติ- พื้นที่เปล่า ขนาด 12 ตรม. (3 x 4 เมตร ) ราคา 18,000 บาท หมดเขตรับสมัคร  14 มิถุนายน 2562    หมายเหตุ  – ผู้ที่มีความประสงค์จองพื้นที่เปล่า ต้องจองขั้นต่ำ 2 คูหา  – พื้นที่มีจำนวนจำกัด หมายเหตุ   ดาวน์โหลดใบสมัคร ตามไฟล์แนบด้านล่าง กรอกข้อมูลในใบสมัคร แล้วส่งกลับมาที่ Romnalin.k@gmail.com  สอบถามรายละเอียด และจองคูหา  ติดต่อ  คุณหนึ่ง  083-2677848   Email :    romnalin.k@gmail.comwww.thailog.orgสมาพันธ์โลจิสติกส์ไทย    

ขอเชิญทุกท่านร่วมใจกันช่วยเหลือพี่น้องที่ได้รับผลกระทบจากพายุปาบึก

  ทางสมาคมภัตตาคารไทย, สมาพันธ์โลจิสติกส์ไทย, บ.อีเกิลส์ กรุ๊ปและเครือข่ายจิตอาสาได้ร่วมมือรับบริจาคสิ่งของ ยา อาหารแห้ง เพื่อช่วยเหลือพี่น้องที่ได้รับผลกระทบจากพายุปาบึกขอเชิญทุกท่านร่วมใจกันช่วยเหลือ โดย1. บริจาคเงนสมทบทุนช่วยเหลือได้ที่ ชื่อบัญชี คุณวัลภา สถิรชวาล ธนาคารไทยพาณิชย์ บัญชีออมทรัพย์ เลขที่ 081-2-2620002. บริจาคยารักษโรค อาหารแห้ง ต่างๆ ได้ สถานที่รับบริจาค 3 จุด 1. บ.อีเกิลส์ แอร์ แอนด์ ซี (ประเทศไทย)จก. สาขาเจ้าคุณทหาร Eagle Air&sea Company Limited CKT120/3 ถนน เจ้าคุณทหาร Khwaeng Khlong Sam Prawet, Khet Lat Krabang, Krung Thep Maha Nakhon 10520 https://maps.google.com/?cid=5408340716396245073 2. บ.อีเกิลส์ แอร์ แอนด์ ซี (ประเทศไทย)จก. สาขาสุวรรณภูมิ คลังสินค้าเขตปลอดอากร อาคาร P1 Free Trade ZoneNong Prue, Bang Phli, Samut Prakan 10540 https://maps.google.com/?cid=16638846675457671502 3 บ. อีเกิลส์ แอร์ แอนด์ ซี (ประเทศไทย)จก. สาขาประตูน้ำ อาคารจุลดิศทาวเวอร์Eagles Air & Sea (Thailand) Cargo21/24 ซอย 19 อาคารจุลดิศ ทาวเวอร์ Khwaeng Thanon Phaya Thai, Khet Ratchathewi, Krung Thep Maha Nakhon 10400///02 790 4501 https://maps.google.com/?cid=6422621618443029345 ป.ล.  ท่านผู้ประกอบการขนส่งท่านใดมีรถวิ่ง ขึ้น-ลง กทม.- นครศรีธรรมราช สามารถร่วมเที่ยวรถลำเลียงนำส่งของช่วยเหลือไปยังจุดรับความช่วยเหลือ  กรุณาติดต่อคุณวราทิพย์ (เอ๋) 081–838-1952#คนไทยไม่ทิ้งกัน^____^*ทางสมาคมภัตตาคารไทย, สมาพันธ์โลจิสติกส์ไทย, บ.อีเกิลส์ กรุ๊ปและเครือข่ายจิตอาสาได้ร่วมมือรับบริจาคสิ่งของ ยา อาหารแห้ง เพื่อช่วยเหลือพี่น้องที่ได้รับผลกระทบจากพายุปาบึก# ขอเชิญทุกท่านร่วมใจกันช่วยเหลือ โดย1. บริจาคเงนสมทบทุนช่วยเหลือได้ที่ ชื่อบัญชี คุณวัลภา สถิรชวาล ธนาคารไทยพาณิชย์ บัญชีออมทรัพย์ เลขที่ 081-2-2620002. บริจาคยารักษโรค อาหารแห้ง ต่างๆ ได้ สถานที่รับบริจาค 3 จุด 1. บ.อีเกิลส์ แอร์ แอนด์ ซี (ประเทศไทย)จก. สาขาเจ้าคุณทหาร Eagle Air&sea Company Limited CKT120/3 ถนน เจ้าคุณทหาร Khwaeng Khlong Sam Prawet, Khet Lat Krabang, Krung Thep Maha Nakhon 10520 https://maps.google.com/?cid=5408340716396245073 2. บ.อีเกิลส์ แอร์ แอนด์ ซี (ประเทศไทย)จก. สาขาสุวรรณภูมิ คลังสินค้าเขตปลอดอากร อาคาร P1 Free Trade ZoneNong Prue, Bang Phli, Samut Prakan 10540 https://maps.google.com/?cid=16638846675457671502 3 บ. อีเกิลส์ แอร์ แอนด์ ซี (ประเทศไทย)จก. สาขาประตูน้ำ อาคารจุลดิศทาวเวอร์Eagles Air & Sea (Thailand) Cargo21/24 ซอย 19 อาคารจุลดิศ ทาวเวอร์ Khwaeng Thanon Phaya Thai, Khet Ratchathewi, Krung Thep Maha Nakhon 10400///02 790 4501 https://maps.google.com/?cid=6422621618443029345 ป.ล.  ท่านผู้ประกอบการขนส่งท่านใดมีรถวิ่ง ขึ้น-ลง กทม.- นครศรีธรรมราช สามารถร่วมเที่ยวรถลำเลียงนำส่งของช่วยเหลือไปยังจุดรับความช่วยเหลือ  กรุณาติดต่อคุณวราทิพย์ (เอ๋) 081–838-1952#คนไทยไม่ทิ้งกัน^____^* 

ขอประชาสัมพันธ์การจัดงาน eLogistics Summit 2018

ขอประชาสัมพันธ์การจัดงาน eLogistics Summit 2018  ภายใต้หลักแนวคิด Reimaging The Future of Digital Logistics เพื่อผนวกทุกองคาพยพของการปฎิรูประบบโครงสร้างพื้นฐานและระบบโลจิสติกส์ไทย ด้วยดิจิทัลเทคโนโลยี เพื่อขับเคลื่อนประเทศไทย สู่อนาคตและ Thailand 4.0  วิสัยทัศน์ “ยกระดับความสามารถของระบบโลจิสติกส์ของประเทศ สนับสนุนการเป็นศูนย์กลางทางการค้าการบริการ การลงทุนในภูมิภาคอาเซียน และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน” ในวันที่ 26-27 พฤศจิกายน 2561 ณ อาคารศูนย์ประชุมวายุภักษ์ 5-7 ชั้น 5 โรงแรมเซ็นทราศูนย์ราชการและคอมเวนชันเซ็นเตอร์

หมายเหตุ   กำหนดการ Link

แรงงานอีอีซี

แรงงานอีอีซี

 

โลกปัจจุบันประเทศไทยมีความจำเป็นในการปรับปรุงและพัฒนาหลักสูตรการศึกษาให้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยี ควบคู่ไปกับการวางแผนผลิตบุคลากรที่เกี่ยวข้องทั้งระบบเพื่อรองรับอย่างเพียงพอ ไม่ว่าอาจารย์ผู้สอน เจ้าหน้าที่และนักเรียนนักศึกษา เพื่อเตรียมความพร้อมแรงงานที่เข้าสู่อุตสาหกรรมแห่งอนาคต โดยเฉพาะในเขตพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษ ยิ่งพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ อีอีซี ยิ่งมีความจำเป็น

 

บัณทิตที่ผลิตออกมา จะต้องตรงกับความต้องการของตลาดแรงงาน สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาล ดังนั้นการเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันโดยมุ่งพัฒนาสายอาชีวศึกษา เป็นเรื่องที่ต้องเดินหน้าต่อ เพื่อเพิ่มสัดส่วนนักเรียนในแต่ละปีให้มีสายอาชีวะเกิน 50% ต่อไปเด็ก ปวช. ปวส.จะมีส่วนร่วมสำคัญในพื้นที่อีอีซี และถือเป็นกำลังหลักในการพัฒนาไทยให้เจริญก้าวหน้า ยกระดับจากประเทศที่มีรายได้ปานกลางเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว
รัฐบาลโดยคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ กนศ. มีแผนสนับสนุนและมีการก่อตั้งโครงการ “สัตหีบโมเดล” นำร่องผลักดันให้เกิดการผลิตบุคลากรชั้นดีออกมาให้ทันการลงทุนในอีอีซี นอกจากได้เชิญผู้บริหารวิทยาลัยอาชีวศึกษาในพื้นที่มาประชุม ยังหารือภาคเอกชนในประเทศและต่างประเทศ มาสนับสนุนค่าใช้จ่าย ค่าเล่าเรียนจนจบหลักสูตร

 

เรียกได้ว่าเรียนฟรีแถมมีเบี้ยเลี้ยง ก่อนจะจบออกมาทำงานมีรายได้ 2 หมื่นบาทสำหรับวุฒิ ปวช. สาเหตุที่ได้รับเงินเดือนมาก เพราะถือเป็นแรงงานที่มีทักษะสูง โครงการ “สัตหีบโมเดล” ในปีแรกจะเป็นแผนนำร่องในสถาบันอาชีวะ 12 แห่ง  จะผลิตนักศึกษาระดับ ปวช.ได้ปีละประมาณ 6,000 คน แผนต่อไปเป็นระยะ 3 ปี ที่จะประเมินผลจาก 12 สถาบันนำร่องขยายผลไปยังวิทยาลัยอาชีวะอื่น

 

รัฐบาลโดยคณะกรรมการอีอีซียังมีแนวทางขยายผล ด้วยการดึงคนที่ยังไม่มีงานทำ มาอบรมหลักสูตรระยะสั้น 3-6 เดือน ป้อนอีอีซีในสาขาวิชาชีพเฉพาะทางอีก 100,000 อัตรา ขณะนี้เริ่มผลิตได้แล้ว 1,000 คน แผนปีต่อไปจะขยายสาขาและจำนวน “ฐานเศรษฐกิจ” จะติดตามข่าวสารมานำเสนออย่างต่อเนื่อง คนไทยก็ต้องเอาใจช่วยไม่เพียงเพื่อตัวเอง แต่เพื่อลูกหลานและประเทศจะได้ผงาดบนเวทีโลกอย่างน่าภูมิใจ

ก.แรงงาน ฝึกเพื่อนบ้าน ดันโลจิสติกส์ชายแดน

 

ก.แรงงาน ฝึกเพื่อนบ้าน ดันโลจิสติกส์ชายแดน

กระทรวงแรงงาน จับมือกระทรวงการต่างประเทศ พัฒนาแรงงานเพื่อนบ้าน กว่าพันคน เสริมสร้างขีดความสามารถการค้า การลงทุน และความมั่นคงตามชายแดน

นายสุทธิ สุโกศล อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน (กพร.) กระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า จากการที่กระทรวงการต่างประเทศ ในฐานะหน่วยงานกำกับดูแลยุทธศาสตร์การเสริมสร้างความร่วมมือด้านความมั่นคงกับประเทศเพื่อนบ้าน ได้ใช้แนวทุางประชารัฐบูรณาความร่วมมือกับกพร. กระทรวงแรงงาน โดย จัดสรรงบประมาณให้ดำเนินการพัฒนาทักษะฝีมือหรือวิชาชีพให้กับแรงงานเพื่อนบ้านลาว กัมพูชา และเมียนมานั้น ในปี 2560 ที่ผ่านมากพร. ได้มอบหมายให้หน่วยงานสังกัดในพื้นที่ 8 จังหวัด มีชายแดนติดต่อกับเพื่อนบ้าน ได้แก่ สำนักงานพัฒนาฝีมือแรงงานตราด สระแก้ว จันทบุรี กาญจนบุรี ตาก หนองคาย นครพนม สพร.20 เชียงราย ดำเนินการฝึกอบรมทั้งในเขตไทยและเพื่อบ้าน มีผู้ผ่านการฝึกอบรมจำนวน 1,125 คน ในสาขาช่างเดินสายไฟฟ้าภายในอาคาร ช่างเชื่อมอาร์กโลหะ ช่างซ่อมไมโครคอมพิวเตอร์ ช่างซ่อมรถจักรยานยนต์ พนักงานทำความสะอาดห้องพัก ทักษะการเป็นหัวหน้างานที่ดี เป็นต้น

นายสุทธิ กล่าวต่อไปว่าโครงการดังกล่าวสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างไทยกับเพื่อนบ้าน สร้างเสถียรภาพ ความเป็นระเบียบ และความสงบสุขในพื้นที่ รวมถึงเพื่อให้ประชาชนพื้นที่ชายแดนสามารถดำเนินชีวิตได้อย่างปกติสุข มีโอกาสได้รับการพัฒนายกระดับคุณภาพชีวิตทางเศรษฐกิจและสังคมได้ จะมีส่วนในการช่วยลดปัญหาข้ามชาติ อาทิ อาชญากรรม ยาเสพติด การค้ามนุษย์

สอดคล้องกับนโยบายเร่งด่วน (Agenda Based) ของพลตำรวจเอก อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ด้านการผลักดันและเร่งรัดการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ด้านแรงงานด้วย สำหรับในปี 2561 กระทรวงการต่างประเทศได้วางแผนจัดสรรงบประมาณให้กพร. จัดฝึกอบรม และมีการคัดเลือกหลักสูตรให้สอดคล้องพื้นที่มากยิ่งขึ้น เพื่อส่งเสริมการค้าชายแดนและอุตสาหกรรมต่างๆ

ทั้งนี้ รมว.ก.แรงงาน ได้กำชับและสนับสนุนด้านโลจิสติกส์ การขนส่งสินค้าระหว่างประเทศเป็นสำคัญ ซึ่ง กพร. ได้มีแนวคิดจัดตั้งสำนักงานพัฒนาฝีมือแรงงานนครพนม ให้เป็นสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงานนานาชาติ เนื่องจากมีปัจจัยด้านภูมิประเทศที่เชื่อมต่อกับประเทศเพื่อนบ้าน ได้แก่ ประเทศลาว และประเทศเวียดนาม โดยมีสะพานมิตรภาพไทย-ลาว 3 เชื่อมต่อระหว่างประเทศไทยที่ตำบลอาจสามารถ อำเภอเมืองนครพนม จังหวัดนครพนม กับประเทศลาวที่บ้านเวินใต้เมืองท่าแขก แขวงคำม่วน ซึ่งเป็นอีกเส้นทางสำคัญของการพัฒนาชาติอาเซียน และสร้างความสัมพันธ์อันยั่งยืนระหว่างประเทศเพื่อนบ้านในอนาคตต่อไป

เชื่อมั่นอีอีซีดันรายได้ต่อคนเพิ่มเท่าตัว ปั๊ม‘จีดีพี’โต60ล้านล้าน

 

เชื่อมั่นอีอีซีดันรายได้ต่อคนเพิ่มเท่าตัว ปั๊ม‘จีดีพี’โต60ล้านล้าน

ร่างพระราชบัญญัติเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก พ.ศ. …. หรือกฎหมายอีอีซี ที่ผ่านการพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้โครงการอีอีซี ซึ่งเป็นความหวังใหม่ของไทยในการเพิ่มศักยภาพการแข่งขันและดึงดูดการลงทุนในอนาคตอีก 20 ปีข้างหน้า เดินหน้าได้อย่างเต็มรูปแบบ

++ดันรายได้ต่อหัวเพิ่มเท่าตัว
โดยนายสุวิทย์ สรรพวิทยศิริ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย สถาบันวิจัยนโยบายเศรษฐกิจการคลัง(สวค.) ภายใต้กระทรวงการคลังประเมินว่า การขับเคลื่อนเศรษฐกิจในพื้นที่อีอีซี จะทำให้อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศเพิ่มขึ้นจากการเติบโตปกติอีก2%ส่งผลให้ขนาดเศรษฐกิจของประเทศจะเพิ่มแบบก้าวกระโดดจาก 15 ล้านล้านบาทในปี 2560เป็น 30 ล้านล้านบาทในปี 2570 และ 60 ล้านล้านบาทในปี 2580

ขณะที่รายได้ต่อหัวของประชากรใน 3 จังหวัด ก็จะปรับตัวสูงขึ้นเป็น 21,000 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อคนต่อปี หรือ 672,000 บาทต่อคนต่อปี ซึ่งจะเป็นตัวเร่งให้รายได้เฉลี่ยต่อหัวของประเทศเพิ่มสูงขึ้นจนบรรลุเป้าหมายการหลุดพ้นจากประเทศกับดักรายได้ปานกลางที่ 10,000 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อคนต่อปี หรือ 320,000 บาทต่อคนต่อปี ในปี 2569 เร็วกว่าการเติบโตปกติที่ไม่มีการดำเนินนโยบายถึง 5 ปี โดยในปี 2569 คนไทยจะมีรายได้เฉลี่ยของประชากร 12,450 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อคนต่อปี หรือ 398,400 บาทต่อคนต่อปีจากปัจจุบันที่มีรายได้เฉลี่ย 6,600 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อคนต่อปี หรือ 211,200 บาทต่อคนต่อปีในปี 2560

++จีดีพีโตจากการลงทุน
ปัจจัยสำคัญที่จะช่วยขับเคลื่อนการพัฒนาอีอีซี ไปสู่เป้าหมายการพัฒนาเศรษฐกิจระยะยาว คือ การลงทุนภาครัฐที่มีคุณภาพ จะทำให้ผลิตภาพทุนและแรงงานเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเฉลี่ย11.3%ต่อปี ขณะที่การลงทุนภาคเอกชนจะช่วยสนับสนุนการสะสมทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมายที่มีคุณภาพในระบบเศรษฐกิจ เฉลี่ย 8.9% ต่อปี นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวคุณภาพ ทำให้ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อหัวของนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 8.1% ต่อปี

นอกจากนี้ การพัฒนาอีอีซี จะทำให้ดุลบัญชีเดินสะพัดขาดดุลอย่างต่อเนื่องแต่ไม่เกิน 3% ของจีดีพี ซึ่งอยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้ ดุลการชำระเงินและทุนสำรองระหว่างประเทศอยู่ในระดับที่มั่นคงตามการลงทุนทางตรง ส่วนผลทางอ้อมจะทำให้เงินเฟ้อเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 2.3% ต่อปีในระยะยาว อยู่ในระดับไม่สูงมากเมื่อเทียบกับการเติบโตของขนาดเศรษฐกิจ เนื่องจากมีผลิตภาพแรงงานและทุนขยายตัวเร่งขึ้นตามอุตสาหกรรมเป้าหมาย

++20 ปีรายได้ 1.2 ล้าน/ครอบครัว
อย่างไรก็ตาม การขยายตัวอย่างต่อเนื่องของการลงทุนทั้งภาครัฐและเอกชน อาจทำให้อัตราดอกเบี้ยในระบบปรับเพิ่มขึ้นบ้าง แต่จะไม่เป็นอุปสรรคต่อการลงทุนและการขับเคลื่อนนโยบายอย่างมีนัยสำคัญ เพราะตามเป้าหมายการลงทุนของภาครัฐจะทยอยลงทุนในหลากหลายรูปแบบ ภายใต้เงื่อนไขที่กำหนดให้การขาดดุลเงินสดของรัฐบาลแต่ละปีไม่เกิน 3% ของจีดีพี ขณะที่อัตราส่วนหนี้สาธารณะต่อจีดีพี ในประเทศจะต้องไม่เกิน 60%

อีกทั้งการพัฒนาอีอีซียังส่งผลต่อการจัดสรรทรัพยากรทางเศรษฐกิจและการลดความเหลื่อมลํ้ายกระดับรายได้ของประชาชน เนื่องจากแรงงานชั้นกลางจำนวนมากถูกดึงเข้ามาในระบบเพื่อยกระดับการผลิตให้สูงขึ้น ทำให้มีรายได้มากขึ้นลดความเหลื่อมลํ้าจากการกระจายรายได้มากขึ้น อัตราการขยายตัวของเมืองเพิ่มขึ้น 74% ในปี 2580

“จากการประเมินโดยใช้แบบจำลองเศรษฐกิจมหภาค พบว่าแนวทางการพัฒนาอีอีซี จะทำให้รายได้ครัวเรือนเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 7% ต่อปี จาก 326,545 บาทต่อปีในปี 2560 เป็น 1,263,629 บาทต่อปีในปี 2580 จากผลิตภาพแรงงานและทุนที่สูงขึ้น ตามอุตสาหกรรมเป้าหมายที่มีศักยภาพและมีมูลค่าเพิ่มสูง ซึ่งเป็นการรองรับสังคมผู้สูงอายุได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังเพิ่มรายได้ของรัฐบาลทั้งทางตรงและทางอ้อมเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 6.5% ต่อปี ซึ่งรายได้ดังกล่าวถูกนำไปใช้ในการจัดสรรทรัพยากรทางเศรษฐกิจ เพื่อลดความเหลื่อมลํ้า ทั้งทางเศรษฐกิจและสังคมได้มากขึ้น” นายสุวิทย์ระบุ

++การจ้างงานเต็มศักยภาพ
นายสุวิทย์ ชี้ให้เห็นอีกว่า ผลของการลงทุนทั้งภาครัฐและเอกชนในอีอีซี จะทำให้เกิดการขยายตัวทางเศรษฐกิจทั้งในระดับประเทศและระดับพื้นที่ โดยในปี 2580 หรืออีก 20 ปีข้างหน้า กำลังแรงงานและการจ้างงานอยู่ที่ระดับศักยภาพการผลิตเต็มที่ของประเทศ การสะสมทุนเพิ่มขึ้นถึง 4 เท่า มีอัตราการผลิตเฉลี่ยสูงถึง60%ผลจากการส่งเสริม 10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย รวมทั้งภาคเกษตรกรรมและภาคบริการ ทำให้เกิดการสะสมทุนอย่างต่อเนื่องกว่า 9% ต่อปี คาดว่ามูลค่าการสะสมทุนของประเทศจะเพิ่มขึ้นถึง 4 เท่า เมื่อเทียบกับปัจจุบัน

โดยมีอัตราการใช้กำลังการผลิตภาคอุตสาหกรรมเฉลี่ยปี2561-2580 อยู่ที่ประมาณ60%ผลิตภาพแรงงาน เพิ่มขึ้นเฉลี่ย0.14%ต่อปี คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 1.0% ต่อปีในระยะยาว ในขณะที่ผลิตภาพทุนของประเทศเพิ่มขึ้นในระยะยาวเฉลี่ย 1.25% ต่อปี จากปัจจุบันที่เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 0.35% ตามเทคโนโลยีและการลงทุนในอุตสาหกรรมและบริการสมัยใหทั้งนี้ จากการดำเนินนโยบาย อีอีซีในช่วง 1 ปีที่ผ่านมามีเม็ดเงินลงทุนใหม่ใน 10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย และอุตสาหกรรมเป้าหมายสนับสนุน 3 อุตสาหกรรม รวม 257,053 ล้านบาท ประกอบด้วย เม็ดเงินลงทุนใน 10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย 247,744 ล้านบาทแบ่งเป็นอุตสาหกรรมหุ่นยนต์ 1,045 ล้านบาท อุตสาหกรรมการบินและโลจิสติกส์1,681ล้านบาท อุตสาหกรรมการแพทย์ครบวงจร 2,991 ล้านบาท อุตสาหกรรมเชื้อเพลิงชีวภาพและเคมีชีวภาพ 124,258 ล้านบาท อุตสาหกรรมดิจิตอล 1,676 ล้านบาท อุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ 52,092 ล้านบาท อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ 34,920 ล้านบาท อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวกลุ่มรายได้ดีและการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ5,166ล้านบาท อุตสาหกรรมการเกษตรและเทคโนโลยีชีวภาพ 22,239 ล้านบาท และอุตสาหกรรมการแปรรูปอาหาร 1,676 ล้านบาท

ส่วนอุตสาหกรรมเป้าหมายสนับสนุน 3อุตสาหกรรมจะมีวงเงินลงทุนรวมในช่วง 5 ปี 9,309 ล้านบาท ประกอบด้วย อุตสาหกรรมวิจัยและพัฒนา 2,595 ล้านบาท อุตสาหกรรม IHQ และ ITC 1,370 ล้านบาท และอุตสาหกรรมไฟฟ้าจากขยะ 5,344 ล้านบาท